ผู้รอดชีวิตเล่านาทีระทึก ติดอยู่ในห้องน้ำ นาทีปืนสนั่น เห็นคนตายต่อหน้า
ผู้รอดชีวิตเหตุยิงห้างพารากอน เล่านาทีระทึก ร้านขายยาใกล้ฉัน ร้านขายยา ร้านขายส่งยา เห็นคนตายต่อหน้า สลดใจไม่สามารถช่วยหญิงชาวจีนได้ นอนผวาทั้งคืน
เมื่อวันที่ 4 ต.ค.น.ส.ณัฐพัชร์ (สงวนนามสกุล) ผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์กราดยิงห้างสยามพารากอน เปิดเผยกับข่าวสดออนำลน์ว่า วานนี้ก่อนเกิดเหตุ ตนมีงานรีวิวร้านอาหารในห้าง เมื่อเสร็จงานแล้วกำลังจะไปแวะดูสินค้าที่ร้านค้าแห่งหนึ่งข้างห้องน้ำชั้นเอ็ม แต่เปลี่ยนใจไปแวะเข้าห้องน้ำก่อน โดยแฟนตนก็ไปด้วย ซึ่งขณะนั้นคนเยอะมาก ต่อแถวจนล้นออกมานอกห้องน้ำ และแฟนตนก็ต่อแถวอยู่ข้างหลังเด็กชายที่ก่อเหตุ
ขณะนั้นน้องสวมเสื้อฮู้ดกันหนาวสีน้ำตาล สะพายกระเป๋ามีท่าทางปกติ กระทั่งแฟนเข้าไปในห้องน้ำชายไม่นาน ก็มีเสียงดังปังครั้งแรก ทุกคนก็ตกใจ คิดว่าเครื่องเป่าลมร้อนใส่มือระเบิด แต่ผู้คนก็ยังรอต่อแถว จนมีเสียงดังปังอีก 2 ครั้ง ก่อนที่ผู้ชายจะวิ่งหนีกรูกันออกมาจากห้องน้ำชาย ตนก็สับสนคิดว่ามีเหตุทะเลาะวิวาทกัน แต่ระหว่างนั้นมีผู้ชายคนหนึ่ง วิ่งสวนกับตนมาสบตากันครู่เดียว แล้วเขาก็ถูกยิงล้มลงต่อหน้าต่อตา จึงเชื่อว่านี่ไม่ใช่เหตุทะเลาะวิวาท
“รู้ตัวว่า เป้าต่อไปคือตัวเองแน่ๆ เพราะผู้ชายที่ถูกยิง อยู่ทางขวามือของตัวเองและกำลังที่ยืนอยู่ที่หน้าทางเข้าห้องน้ำ โดยคนร้ายยิงไม่เลือกชายหญิง ตัวเองเลยรีบวิ่งหนีไปหลบในห้องน้ำหญิง ซึ่งตอนนั้นยังไม่เห็นแฟนตัวเองหนีออกมา เลยโทรศัพท์ไปหา เจ้าตัวก็ปลอดภัยดี ยังหลบในห้องน้ำชาย ก่อนจะหนีมาหลบด้วยกันที่ห้องน้ำหญิง ซึ่งมีคนอยู่กัน 4 คน คือตัวเองและผู้หญิงอีกคน รวมถึงแฟนและผู้ชายอีกคน
ความรู้สึกคือสติไม่อยู่กับตัว ต้องยืนในที่แคบและร้อนเท่านั้น เหมือนนั่งรอความตาย ไม่รู้ว่าจะได้กลับบ้านไหม ไม่รู้ว่าจะได้มองหน้าแฟนเป็นครั้งสุดท้ายไหม ที่บีบหัวใจที่สุดคือต้องนั่งฟังเสียงลมหายใจเฮือกสุดท้ายของผู้หญิงชาวจีนที่ถูกยิงและไปช่วยเหลืออะไรไม่ได้ ระหว่างนั้นก็พยายามติดต่อคนที่บ้าน และเพื่อนๆ แต่สุดท้ายก็มีคนเข้ามาช่วยเหลือพวกตัวเอง ก่อนจะนั่งรถสามล้อกลับบ้านโดยทิ้งทั้งรองเท้าและรถตัวเองไว้ที่ห้าง ตอนนี้แค่ได้ยินเสียงแตรรถยังผวา นอนไม่หลับทั้งคืน” น.ส.ณัฐพัชร์ กล่าวและว่า
นอกจากนี้ แฟนตนได้เล่าส่วนที่เขาพบเจอว่า ขณะกำลังต่อแถวอยู่หลังน้องคนที่ก่อเหตุ พบว่าน้องสวมเสื้อคนละตัวกับชุดที่ออกไล่ยิงผู้คน โดยน้องได้เข้าไปในห้องชักโครก ซึ่งน่าจะเข้าไปประกอบอาวุธ แล้วยิงปืนลงพื้นจนมีเสียงดังครั้งแรก เมื่อยิงครั้งที่สองก็มีควันออกมาจากห้อง ก่อนจะเปิดประตูออกมาไล่ยิง โดยที่แฟนตนยืนปัสสาวะอยู่โถในสุด เมื่อสบโอกาสเขาก็รีบไปซ่อนตัวในห้องน้ำ แต่ด้วยความรีบ เขาจึงไปซ่อนในห้องน้ำที่น้องคนก่อเหตุแต่งตัว พบว่าในกระเป๋าเป้มีกระสุนปืนอีกมาก และน่าจะต้องวนกลับมาที่ห้องนี้อีกแน่ แฟนตนจึงหนีออกมา
“ท้ายสุดเหตุการณ์นี้ ส่วนตัวมองว่าวิธีการต่างๆ ที่ภาครัฐพยายามประชาสัมพันธ์เรื่องการเผชิญเหตุดังกล่าวก็ยังมีความจำเป็น แต่ที่ต้องมีคือมาตรการตรวจอาวุธก่อนเข้าห้างที่รัดกุม เนื่องจากคนร้ายใส่ชุดมิดชิดก็ควรต้องตรวจค้น ส่วนเครื่องตรวจอาวุธ ก็ไม่ทราบว่าใช้ได้จริงหรือไม่ ควรต้องตรวจกระเป๋าอย่างที่เมื่อก่อนเคยมีด้วย
อีกทั้งการประกาศเตือนขณะเกิดเหตุก็ค่อนข้างใช้เวลา เพราะหลังเกิดเหตุไปแล้วประมาณ 10 นาที ยังไม่มีการเปิดเสียงเตือน มีเพียงเสียงประกาศคนพูด ซึ่งขณะที่มีเหตุยิงแล้ว คนบนชั้นอื่นๆ ยังกินเที่ยวกันอยู่ทั้งๆ ที่ตัวเองกำลังหลบซ่อน ก่อนจะมีเสียงไซเรนภายหลัง” น.ส.ณัฐพัชร์ กล่าวทิ้งท้าย
อ่านข่าวเพิ่มได้ที่ : https://www.khaosod.co.th