เกมมิ่งโฟนตัวตึงถึงไทยแล้ว เอซุส’ROG Phone 7’สุดยอดไอเท็มคอเกม

0

เกมมิ่งโฟนตัวตึงถึงไทยแล้ว เอซุส’ROG Phone 7’สุดยอดไอเท็มคอเกม

เกมมิ่งโฟนตัวตึงถึงไทยแล้ว – วันที่ 29 มิ.ย. เอซุส ร้านขายยาใกล้ฉัน ร้านขายยา ร้านขายส่งยา ผู้พัฒนาเทคโนโลยีชื่อดังจากไต้หวันวางจำหน่ายภาคต่อเกมมิ่งโฟน เอซุส อาร์โอจี โฟน 7 แล้วในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ตอกย้ำความเป็นผู้นำสุดยอดสมาร์ตโฟนสำหรับคอเกม พร้อมโปรโมชั่นพิเศษเพียบ

เอซุส อาร์โอจี โฟน ซีรีส์ ล่าสุด เดินทางมาถึงรุ่นที่ 7 แล้ว โดยใช้ชื่อว่า เอซุส อาร์โอจี โฟน 7 (Asus ROG Phone 7) แบ่งออกเป็น 2 รุ่นได้แก่ เอซุส อาร์โอจี โฟน 7 และเอซุส อาร์โอจี โฟน อัลติเมต เอดิชั่น (Asus ROG Phone 7 Ultimate Edition) โดยเวอร์ชั่นอัลติเมตนั้นเป็นรุ่นที่ทางทีมข่าวสดไอทีทดลองใช้งาน

ความแตกต่างระหว่างสองรุ่นนั้นมีเพียงเล็กน้อย เริ่มจากจอ OLED ที่ทางเอซุสเรียกว่า ROG Vision ที่ด้านหลังเครื่องของรุ่นอัลติเมต แสดงผลแบบสีเพิ่มความสวยงามโดดเด่นพร้อมลูกเล่นมากมาย เช่น เตือนเมื่อมีสายเรียกเข้า สัญลักษณ์เวลาเริ่มเกม หรือสถานะการชาร์จแบตเตอรี ไปจนถึงใส่รูปภาพที่ผู้ใช้เลือกใส่เข้าไปเองได้ช่วยเพิ่มเอกลักษณ์และความโดดเด่นอีกขั้น

ส่วนรูปแบบการดีไซน์นั้นทั้งสองรุ่นยังคงความโดดเด่นรูปโฉมภายนอกที่โฉบเฉี่ยวและดูไฮเทคแหวกแนวไปจากสมาร์ตโฟนอื่นทั่วไปคล้ายรุ่นที่ผ่านมา แต่รุ่นล่าสุดนี้ มีสเปกเครื่อง หน่วยความจำแรม และพื้นที่เก็บข้อมูลมากขึ้นกว่าเดิม

Overview

ROG Phone 7 ทั้งสองรุ่น มีขนาดเครื่องเท่ากัน คือ กว้าง 77 ยาว 173 หนา 10.3 มิลลิเมตร (มม.) น้ำหนัก 239 กรัม ถือว่าค่อนข้างหนากว่าสมาร์ตโฟนทั่วไป แต่คิดว่าไม่เป็นอุปสรรคใดๆ กับคอเกมทั้งหลาย วัสดุที่ใช้เป็นกระจก Gorilla Glass Victus ประกบขอบอะลูนิเนียมแบบด้าน

ส่วนฝาหลังเป็นกระจก Gorilla Glass 3ได้รับรองมาตรฐาน IP54 หมายความว่า กันฝุ่นขนาดละอองขนาดใหญ่เข้าไปภายในและกันน้ำสาดทั่วไปได้ แต่ห้ามพกลงไปในสระว่ายน้ำ หรือใต้น้ำ

ทว่า ความเหนือกว่าจริงๆ ของรุ่นอัลติเมตนั้นเป็นระบบระบายความร้อนด้วยช่อง AeroActive Portal ที่ด้านหลังของเครื่อง ทำหน้าที่เป็นช่องรับอากาศซึ่งจะเปิดขึ้นอัตโนมัติเมื่อติดตั้งผู้ใช้ติดตั้งอุปกรณ์เสริมอย่าง AeroActive Cooler 7

เพื่อรับลมเย็นจากพัดลมของ AeroActive Cooler 7 ผ่านไปยังครีบระบายความร้อนทองแดงในห้อง ROG Rapid-Cycle Vapor chamber สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายความร้อนได้ถึงร้อยละ 20

แน่นอนว่าอุปกรณ์เสริมอย่าง AeroActive Cooler 7 นั้นทางเอซุสแถมมาให้เฉพาะในรุ่นอัลติเมตเท่านั้นและไม่มีจำหน่ายแยก! โดยรุ่นที่ 7 นี้ นอกจากทางเอซุสจะปรับปรุงพัดลมมาใหม่เพื่อเพิ่มกำลังลมให้แรงขึ้น ยังมีตัวทำความเย็น Peltier แบบเทอร์โมอิเล็กทริก เสริมเข้ามาสามารถช่วยลดอุณหภูมิได้สูงสุดถึง 25 องศาเซลเซียส

รวมถึงการการออกแบบ DualCool เพิ่มช่องลมเป่าบริเวณหน้าจอช่วยลดอุณหภูมิบริเวณที่นิ้วสัมผัสกับหน้าจอได้สูงสุดถึง 8 องศาเซลเซียส พร้อมปุ่มควบคุมเสริมพิเศษสำหรับการเล่นเกมอีก 4 ปุ่ม ขาตั้งแบบ kick stand ที่กางออกมาได้ และไฟ RGB ที่แสดงโลโก้ ROG เมื่อต่อ AeroActive Cooler 7 เข้ากับตัวเครื่อง ตั้งค่าเองได้ผ่านแอพพลิเคชั่น Armoury Crate

โดยตัว AeroActive Cooler 7 นั้นมีช่อง USB-C ด้านล่างให้เสียบสายชาร์จได้ไม่กีดขวางมือขณะเล่นเกม (เครื่องแนวนอน) ทั้งหมดแถมมาให้ในกล่องใบใหญ่สุดปังอลังการ พร้อมชาร์จเจอร์กำลังไฟ 65 วัตต์ (W) และสายเคเบิล USB-C to USB-C สีดำล้วน ส่วนผู้ที่เลือกเวอร์ชั่นปกติมานั้นหากมี AeroActive Cooler 6 อยู่แล้วก็สามารถใช้ร่วมกันได้ด้วย

ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ AeroActive Cooler 7 ยังมีซับวูฟเฟอร์ขนาด 13 x 38 มิลลิเมตร (มม.) เมื่อใช้งานร่วมกับลำโพงของตัวเครื่อง ROG Phone 7 ซีรีส์ ที่เป็นแบบคู่หันเข้าหาตัว (Dual Front-Facing Speaker) กลายเป็นระบบเสียงแบบ 2.1 แชนแนล ให้เสียงเบสที่แน่นขึ้นร้อยละ 77 เพิ่มความมีมิติที่ชัดเจน

การทดสอบเสียงจากลำโพงของเกมมิ่งโฟนรุ่นนี้ พบว่า ยอดเยี่ยมน่าประทับใจ เริ่มตั้งแต่ความดังกระหึ่มของเสียงที่ดังกว่าสมาร์ตโฟนทั่วไป ไม่พบว่ามีเสียงแตกด้วย เสียงเบสกระชับชัดเจน เสียงกลางเด่นพุ่งเข้าหาผู้ใช้ เสียงสูงค่อนไปทางคมแต่ไม่ถึงกับบาดหู เวทีเสียงปานกลางแยกเครื่องดนตรีชัดแต่ให้มิติความลึกตื้นสูงกว่า สามารถได้ยินรายละเอียดของดนตรีได้ชัด

ให้อรรถรสที่ยอดเยี่ยมกับทุกรูปแบบความบันเทิง โดยเมื่อติดตั้ง AeroActive Cooler 7 เข้าไปแล้วซับวูฟเฟอร์จะยิ่งช่วยเพิ่มพลังของเสียงให้มีขนาดใหญ่ขึ้น เรียกได้ว่า ทำให้เสียงเอิบอิ่มขึ้นอย่างน่าประทับใจ เรียกได้ว่า ROG Phone 7 เป็นหนึ่งในสมาร์ตโฟนที่มีลำโพงเสียงเยี่ยมและดังกระหึ่มที่สุดเท่าที่ทีมข่าวสดไอทีทดสอบมาเลยทีเดียว

ระบบระบายความร้อนที่ยอดเยี่ยมนั้นมีความสำคัญอย่างขาดไปไม่ได้สำหรับเกมมิ่งโฟน เพราะการเล่นเกมเป็นเวลานานนั้นเครื่องจะเกิดความร้อนสะสม หากความร้อนมากเกินไปจะทำให้ชิพประมวลผลต้องปรับลดการทำงานลงจนเกมเกิดอาการเฟรมเรตหล่น และพลังงานจากแบตลดลงอย่างรวดเร็ว

ทางเอซุสจึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากด้วยระบบ GameCool 7 คือ ระบบระบายความร้อนที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาของ ROG Phone ถูกออกแบบโดยให้ชิพอยู่ตรงกลางพร้อมแบตที่แยกออกเป็นสองส่วนทำให้การกระจายความร้อนมายัง ROG Rapid-Cycle Vapor Chamber ที่ประกอบไปด้วยโครงสร้างเสาที่กั้นละหว่างกลางของแผ่น Vapor Chamber (Trident Shape Wick Column Structure) รูปทรงตัว Y และยังมี Liquid Return Channels

เพื่อเพิ่มพื้นที่การไหลและควบคุมการไหลของของเหลวภายใน Vapor Chamber ให้กลับมาอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมในการระบายความร้อนให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อส่งต่อความร้อนออกไปยังแผ่นแกรไฟต์ขนาดใหญ่ขึ้นร้อยละ 10 ทำให้ระบายความร้อนดีขึ้นถึง 168 เปอร์เซ็นต์!

การทดสอบเล่นเกม AAA อย่าง Honkai: Star Rail จากค่าย HoYoverse (miHoYo ประเทศจีน) ที่กราฟฟิกระดับสูงสุด สามารถเล่นได้อย่าเพลิดเพลินไม่พบอาการเฟรมเรตหล่น และปัญหาโอเวอร์ฮีตใดๆ ในห้องที่เปิดเครื่องปรับอากาศไว้ที่อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส

โดยอุณหภูมิเครื่องอยู่ที่ประมาณ 42 ถึง 45 องศาเซลเซียส แต่หากเล่นนอกอาคารในสภาพอากาศร้อนก็อาจโอเวอร์ฮีตได้ ส่วนการติดตั้ง AeroActive Cooler 7 นั้นพบว่าสามารถช่วยลดอุณหภูมิลงมาได้ราว 1 ถึง 3 องศาเซลเซียส

โดยสามารถเล่นติดต่อกันเป็นเวลานานได้หลายชั่วโมงแบบไม่ต้องกังวลว่าแบตจะไม่พอ ไม่นับว่าใช้งานทั่วไปที่ผู้ทดสอบลองมา พบว่าใช้ได้ถึง 3 วัน กว่าจะต้องเสียบชาร์จ ซึ่งการทดสอบพบว่าชาร์จได้ร้อยละ 50 ภายใน 18 นาที และเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ภายใน 50 นาที น่าประทับใจอย่างมาก

ฟีเจอร์อื่นเดิมของ ROG Phone นั้นยังอยู่ครบด้วย อาทิ ปุ่มระบบสัมผัสเทคโนโลยีอัลตร้าโซนิกที่มุมเครื่องทั้งสองข้างอย่าง Air Triggers อันเลื่องชื่อ (ใช้เหมือนปุ่ม L/R ของคอนโทรลเลอร์ของเพลย์สเตชั่นจากโซนี่) สามารถตั้งค่าได้ทั้งหมด 9 รูปแบบตามความถนัด ช่อง USB-C จำนวน 2 ตำแหน่ง ที่มุมซ้ายล่างและด้านข้างเครื่องทางซ้าย

ช่องหูฟังแบบมินิสเตอริโอบริเวณมุมขวาล่าง (หันจอเข้าหาตัว) ซึ่งสมัยนี้เหลือสมาร์ตโฟนเพียงไม่กี่รุ่นที่ยังคงช่องนี้เอาไว้ ตลอดจนระบบปลดล็อกเครื่องด้วยลายนิ้วมือแบบฝังในจอภาพที่ว่องไวแม่นยำ ไม่พบปัญหาอะไรตรงจุดนี้ มีเพียงปุ่มเปิดปิดที่อยู่บริเวณกลางลำตัวเครื่อง เนื่องจากขนาดเครื่องค่อนข้างใหญ่ ใครที่ใช้เครื่องเล็กๆ มา หรือมือเล็กอาจจะเมื่อยเล็กน้อย

ROG Phone 7 ใช้ขุมพลังจากชิพ Snapdragon 8 Gen 2 จากค่ายควอลคอมม์ ประเทศสหรัฐอเมริกา รองรับสัญญาณ Bluetooth 5.3 เชื่อมต่อ Wi-Fi 7 และสัญญาณ 5G ได้ แต่ขณะนี้รองรับได้ถึง Wi-Fi 6 เนื่องจากยังติดขั้นตอนการขออนุญาตและงานเอกสารต่างๆ คาดว่าจะได้รับอัพเดทเปิดใช้งาน Wi-Fi 7 ได้ในอนาคตอันใกล้

Performance & Benchmark

ชิพ Snapdragon 8 Gen 2 เป็นชิพที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมการผลิตระดับ 4 นาโนเมตร (nm) ภายในแบ่งเป็นหน่วยประมวลผลกลาง หรือซีพียูแบบ 8 คอร์ (Octa-core) และหน่วยประมวลผลกราฟฟิก หรือจีพียูรุ่น Adreno 740

ซีพียูแบบ 8 คอร์ แบ่งเป็น 4 คลัสเตอร์ แบบ 1:2:2:3 ได้แก่ Cortex-X3 ความถี่สัญญาณนาฬิกา 3.2 กิกะเฮิร์ซ (GHz) จำนวน 1 คอร์ Cortex-A715 ความถี่ 2.8 GHz จำนวน 2 คอร์ Cortex-A710 ความถี่ 2.8 GHz จำนวน 2 คอร์ และ Cortex-A510 ความถี่ 2.0 GHz จำนวน 3 คอร์

หน่วยความจำแรมสูงสุด (RAM) 16 กิกะไบต์ (GB) และพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน (ROM) สูงสุด 512 GB อัตราการโอนถ่ายข้อมูลมาตรฐาน UFS 4.0 แบนด์วิธสูงสุด 5,800 เมกะไบต์ต่อวินาที (MB/s) รองรับการ์ดเก็บข้อมูลเสริม

ขุมพลังดังกล่าวขับเคลื่อน ROG Phone 7 ที่มาพร้อมจอภาพ AMOLED ผลิตโดยซัมซุง ประเทศเกาหลีใต้ ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด 1,080 x 2,448 พิกเซล ความหนาแน่นพิกเซล 395 พิกเซลต่อตารางนิ้ว (ppi) ความสว่างสูงสุด 1,200 นิต อัตราการตอบสนอง 1 มิลลิวินาที (ms) รองรับความถี่สูงสุด 165 เฮิร์ซ (Hz)

ความไวต่อการรับรู้สัมผัสของจอภาพสูงถึง 720 Hz ค่าความหน่วงการรับรู้จอภาพ 23 ms ขอบเขตในการแสดงสีกว้างสูงสุดถึง 111.23% DCI-P3 ค่า Delta E < 1 มีเทคโนโลยี Eye Care Display ลดแสงสีฟ้าเพื่อถนอมสายตาในการใช้งานต่อเนื่อง รันบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 13 จากค่ายกูเกิ้ล

ประสิทธิภาพที่ออกมานั้นเรียกได้ว่า “เหลือกิน” เพราะนอกจากชิพเรือธงที่ความถี่สูงขึ้น ประหยัดไฟขึ้น (ร้อยละ 15) จับคู่กับ LPDDX5 RAM ที่มีความเร็วบัสถึง 8,533 เมกะบิตต่อวินาที (Mbps) พร้อม UFS 4.0 ROM สามารถทำคะแนนในการทดสอบเบนช์มาร์กบนแอพพลิเคชั่น Antutu (สถิติเดือนเม.ย. 2566) ได้เป็นอันดับหนึ่ง ครองแชมป์เกมมิ่งโฟนใช้โอเอสแอนดรอยด์ที่แรงที่สุดในโลก และทำคะแนนได้สูงถึง 1,610,063 คะแนน เมื่อเปิดใช้งาน X Mode

ผลการทดสอบข้างต้นไปในทิศทางเดียวกันกับคะแนนทดสอบจากแอพ Geekbench 6 ได้คะแนนแบบคอร์เดียว 1,660 แต้ม และหลายคอร์ 4,988 แต้ม เมื่อเปิดใช้งาน X Mode จะทำคะแนนคอร์เดียวได้ถึง 1,982 แต้ม และหลายคอร์ 5,544 แต้ม

 

X-Mode ถือเป็นหนึ่งในจุดเด่นที่สุดของ ROG Phone ซีรีส์ สามารถโอเวอร์คล็อกการทำงานของชิพให้ทำงานสูงเกินประสิทธิภาพปกติขึ้นไปได้อีก ทำให้เกมมิ่งโฟนจากค่ายเอซุสได้รับขนานนามว่าเป็นราชาแห่งเกมมิ่งโฟน (แอนดรอยด์)

แรงเสียยิ่งกว่าชิพรุ่นเดียวกันในสุดยอดเรือธงอย่าง กาแล็กซี เอส 23 อัลตร้า จากค่ายซัมซุง ผู้พัฒนาเทคโนโลยีชื่อดังจากประเทศเกาหลีใต้ ที่ได้รับการปรับแต่งชิพรุ่นเดียวกันมาแบบพิเศษ (โอเวอร์คล็อก) โดยทางซัมซุงเรียกใหม่ว่า “Snapdragon for Galaxy” ไม่ว่าจะใช้งานรูปแบบใด มั่นใจได้ว่า ROG Phone 7 สามารถรับมือได้ทั้งหมดอย่างสบายๆ

Battery

ROG Phone 7 มาพร้อมกับแบตขนาด 6,000 มิลลิแอมป์ต่อชั่วโมง (mAh) โดยแยกวางเป็น 2 ก้อน แยกตำแหน่งซ้าย-ขวา (วางเครื่องในแนวนอน) เป็นผลต่อเนื่องให้การออกแบบระบบระบายความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

ซึ่งจากการทดสอบใช้งานของทีมข่าวสดไอทีพบว่าสามารถใช้งานได้ถึง 3 วัน สำหรับการใช้งานทั่วไป สอดคล้องกับสื่อชั้นนำระดับโลกอย่าง GSMARENA แสดงให้เห็นว่าแบตของ ROG Phone 7 ซีรีส์ สามารถคุยโทรศัพท์ต่อเนื่องได้นานกว่า 36 ชั่วโมง ท่องเว็บไซต์ได้นานกว่า 18 ชั่วโมง และสามารถเล่นวีดีโอต่อเนื่องได้ยาวนานถึง 29 ชั่วโมงครึ่ง ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง

Camera

ROG Phone 7 มีกล้องเซลฟี่ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล (MP) ที่ได้รับการปรับแต่งซอฟต์แวร์มาใหม่ด้วยอัลกอริทึมของระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ โมดูลกล้องหลัง ได้แก่ กล้องหลักความละเอียด 50 MP กล้องอัลตร้าวายความละเอียด 13 MP และกล้องมาโครความละเอียด 5 MP

ด้านความสามารถในการถ่ายคลิปอของกล้องหลังนั้นรองรับสูงสุดได้ถึงความละเอียด 8K ที่อัตราเฟรม 24 เฟรมต่อวินาที (8K@24fps) รองลงมาเป็น 4K@30/60fps, 1080p@30/60/120/240fps และ 720p@480fp สนับสนุน HDR10+ ขณะที่กล้องหน้าถ่ายคลิปได้สูงสุดที่ 1080p@30fps

การทดสอบถ่ายภาพพบว่า ภาพที่ได้มีความคมชัดและสีสันเปล่งปลั่ง ไม่พบ noise มี White balance และ Exposure ที่ดี แต่อาจพบปัญหาภาพ HDR ทำให้แสงตามจุดต่างๆ ไม่สมดุลเท่าที่ควร รวมถึงการถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยอาจทำให้ภาพออกมาไม่ดีเท่ากับพวกเรือธงอื่นๆ แต่โดยรวมแล้วถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี

จุดอ่อนของกล้อง ROG Phone 7 ยังคงเหมือนกับรุ่นก่อนหน้าที่ผ่านมา คือ เลนส์อัลตร้าวาย และเลนส์มาโคร โดยเลนส์อัลตร้าวายนั้นให้สีที่ค่อนข้างจืดจางเมื่อเทียบกับเลนส์หลัก ส่วนเลนส์มาโครนั้นเป็นเลนส์ที่ไม่ค่อยได้ใช้งานมากนัก รวมถึงการไม่มีเลนส์เทเลโฟโต้ทำให้ประสิทธิภาพการซูมภาพนั้นไม่ดีเท่าที่ควรหากเทียบกับบรรดาเรือธงอื่นๆ

อย่างไรก็ตาม จุดอ่อนตรงเรื่องกล้องและการใช้สเป็กกล้องแบบเดิมเหมือนรุ่นที่ผ่านมา ไม่น่าจะเป็นกุญแจการตัดสินใจที่สำคัญมากนักสำหรับบรรดาคอเกม เนื่องจากผู้ที่ติดตามและชื่นชอบ ROG Phone ซีรีส์ส่วนใหญ่ เป็นกลุ่มมองเรื่องประสิทธิภาพการเล่นเกมเป็นหลัก อาทิ ประสิทธิภาพของชิพ ระบบระบายความร้อนที่ยอดเยี่ยม จอภาพที่สวยงาม มีความไวสูง ลำโพงเสียงดี และแบตใหญ่ยักษ์ที่ทำให้เล่นเกมได้ต่อเนื่องยาวนาน เป็นต้น

Conclusion

ทีมข่าวสดไอที มองว่า เอซุส อาร์โอจี โฟน 7 เป็นสมาร์ตโฟนเล่นเกมที่ดีที่สุดของชั่วโมงนี้ แม้จะไม่สมบูรณ์แบบ เพราะมีกล้องถ่ายภาพที่คุณภาพกลางๆ มาตรฐานกันฝุ่นกันน้ำที่ไม่สุดขั้ว และการรับประกันอัพเดทโอเอสที่สั้นเพียง 2 ปี ในราคาสมาร์ตโฟนเรือนหลายหมื่นบาทเช่นนี้

แต่ทั้งหมดชดเชยด้วยประสิทธิภาพที่ดีที่สุดในการเล่นเกมทั้งในแง่ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ระยะเวลาการใช้งานที่เหลือเฟือจากแบตขนาดใหญ่เบิ้ม ระบบการชาร์จที่ว่องไว ยูไอที่เข้าใจง่าย และอุปกรณ์เสริมไฮเทคพร้อมฟีเจอร์หวือหวาที่ทำให้สมาร์ตโฟนเครื่องนี้เป็นมือถือที่สุดโต่งที่สุดในด้านการเล่นเกม

รายละเอียดโปรโมชั่น

ทางเอซุสจะรับประกันอัพเดทโอเอสได้ 2 เวอร์ชั่น และแพทช์รักษาความปลอดภัยนานสูงสุด 4 ปี นับว่าดีขึ้นกว่ารุ่นก่อน แต่ยังถือว่าเป็นรองค่ายคู่แข่งแนวหน้าอื่นของวงการอยู่พอสมควร เช่น ซัมซุง ที่รับประกันอัปเดตโอเอสได้ถึง 4 เวอร์ชั่น และอัปเดตมาไวกว่าทางเอซุสด้วย

ส่วนสีของ ROG Phone 7 นั้นมี 2 สี ได้แก่ สีดำ Phantom Black และสีขาว Storm White ภายใต้ดีไซน์แบบทูโทนระหว่างผิวเรียบและหยาบ ขณะที่ ROG Phone 7 Ultimate Edition มีสีพิเศษเป็นสีขาว Matte White

ทั้งยังมีอุปกรณ์เสริมเป็นเคสสุดเท่ DEVILCASE GUARDIAN STANDARD ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อช่วยปกป้อง ROG Phone 7 สามารถโชว์ดีไซน์ฝาหลังของเครื่องและชุดไฟ LED Aura RGB LED (ROG Phone 7) และ ROG Vision (ROG Phone 7 Ultimate) ได้แม้ในขณะใส่เคสอยู่

สำหรับรุ่นที่มีจำหน่ายในประเทศไทยไทยมี 2 รุ่น ได้แก่ ROG Phone 7 (Phantom Black, Storm White, 16/512GB) 34,990 บาท และ ROG Phone 7 Ultimate (Storm White, 16/512GB) 42,990 บาท

ราคาพิเศษเมื่อซื้อเครื่องพร้อมแพ็กเกจรายเดือนกับ AIS 5G จะได้ ROG Phone 7 ราคาเริ่มต้นที่ 29,490 บาท และ ROG Phone 7 Ultimate ราคาเริ่มต้นที่ 37,490 บาท ส่วนลูกค้าย้ายค่ายเบอร์เดิมมา AIS รายเดือน ลดเพิ่มอีก 1,000 บาท ตามเงื่อนไขตามที่ AIS กำหนด

เอซุสยังมีโปรจัดหนักสำหรับคอเกมที่ต้องการเครื่องก่อนใครผ่าน Early Bird Promotion โดย เมื่อซื้อ ROG Phone 7 รุ่นใดก็ได้ ระหว่างวันที่ 28 มิ.ย. ถึง 18 ก.ค. 66 รับฟรีชุดหูฟังเกมมิ่งไร้สาย ROG Strix Go 2.4 มูลค่า 3,390 บาท ลงทะเบียนรับของแถม

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *